“อนุทิน” ตรวจเยี่ยมโรงงานต้นแบบวัคซีนโควิด “จุฬา-ใบยา” เริ่มทดสอบในคนเฟส 1 ต้น ก.ย.นี้
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมโรงงานต้นแบบผลิตวัคซีนโควิดชนิดโปรตีนซับยูนิตจาก ใบยาสูบ โดยจุฬาฯ-ใบยา เผยมีความคืบหน้าต้นเดือนกันยายนเริ่มทดสอบในมนุษย์เฟส 1 คาดไตรมาส 3 ปี 65 ผลิตใช้ได้ 60 ล้านโดสต่อปี สามารถปรับปรุงรองรับสายพันธุ์ใหม่ได้ วันนี้ (13 สิงหาคม 2564) ที่ชั้น 11 อาคารจุฬาพัฒน์ 14 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และนายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ตรวจเยี่ยมโรงงานต้นแบบการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุด้วยพืช โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด เพื่อผลิตวัคซีนโควิด 19 ชนิดโปรตีนซับยูนิต จากใบยาสูบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วัคซีนจุฬาฯ-ใบยา เริ่มพัฒนามา ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2563 ทดสอบในหนูทดลองและลิง พบว่าช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี […]
อย่าปล่อยผู้ป่วยทิ้งไว้กับ “ยาฟาวิพิราเวียร์” โดยลำพัง
“ยาฟาวิพิราเวียร์” (Favipiravir) ถือเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยลดความสูญเสียถึงแก่ชีวิตของผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะในกลุ่มสีเขียวและสีเหลือง โดยล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขไทยเลือกใช้ยาตัวนี้เป็นยาหลักของประเทศที่ใช้สู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ด้วยผลการศึกษาที่เผยให้เห็นถึงประสิทธิภาพช่วยลดการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสในร่างกายผู้ติดเชื้อได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยลดการก่อให้เกิดการอักเสบของปอดซึ่งเป็นอวัยวะเป้าหมายที่ไวรัสชนิดนี้มุ่งโจมตี ส่งผลให้อัตราผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรวมถึงอัตราการเสียชีวิตเริ่มลดลงบ้างแล้ว แต่หากพิจารณาภาพรวมของสถานการณ์ระบบสาธารณสุขไทยในวันนี้ที่มีข้อจำกัดในเรื่องเตียงและอุปกรณ์ช่วยชีวิตโดยเฉพาะเครื่องช่วยหายใจที่เต็มล้นจนติดลบ ไม่สามารถรองรับความต้องการเข้ารักษาตัวของผู้ป่วยในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นหลักหมื่นต่อวันติดต่อกันอย่างต่อเนื่องได้ จึงทำให้ผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวไม่มีทางเลือกต่างต้องรักษาตัวเองโดยจำต้องทำ Home Isolation แยกกักตัวอยู่ที่บ้าน และต้องบริหารการใช้ยาเพื่อรักษาอาการป่วยด้วยตนเองซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อมือใหม่ที่มีโอกาสพลาดพลั้งอยู่ไม่น้อย “ยาฟาวิพิราเวียร์” เป็นยาต้านไวรัสชนิดเม็ดขนาด 200 มิลลิกรัม มีวิธีรับประทานเบื้องต้นในผู้ใหญ่ได้ 2 วิธี ตามคำแนะนำของคณะกรรมการกำกับดูแลรักษาโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข โดยจะแบ่งตามเกณฑ์น้ำหนักของผู้ติดเชื้อ ส่วนในคนไข้เด็กนั้นแพทย์จะเป็นผู้ประเมินขนาดยาก่อนสั่งจ่ายทุกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1) ผู้ติดเชื้อที่มีน้ำหนักไม่เกิน 90 กิโลกรัมนั้น ให้เริ่มทานยาวันแรก ครั้งละ 9 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ห่างกัน 12 ชั่วโมง และในวันที่ 2 – 5 ของการรับประทานยา ให้ทานครั้งละ 4 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ห่างกัน 12 […]
ปักหมุดจุดตรวจ ค้นหาจุดตรวจโควิดใกล้บ้าน ทั่วไทย ผ่าน Koncovid.com
The Sharpener พาทดลองใช้ KonCovid แพลตฟอร์มเพื่อใช้ค้นหา จุดตรวจโควิดทั่วประเทศ และทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ โดยทีม Tech for Thailand ร่วมกับ ศบค. จัดทำเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นนี้ สำหรับช่วยประชาชนให้ค้นหาสถานที่ตรวจโควิดในประเทศไทย หรือ ในกรุงเทพฯ ได้ง่ายมากขึ้น โดยสามารถเช็คที่ตั้ง เบอร์โทรศัพท์ ประเภทการตรวจ ราคาค่าบริการตรวจ เวลาเปิดปิด และข้อมูลอื่นๆ ที่สำคัญ เพียงแค่พิมพ์รหัสไปรษณีย์ สถานที่ตรวจจะปรากฏขึ้นมา สำหรับขั้นตอนค้นหา โดยมีวิธีดังนี้ 1.เข้าเว็บไซต์ https://koncovid.com 2.เลือกให้ระบบ แสดงผลทั้งประเทศ หรือแสดงผลเฉพาะกรุงเทพฯ 3.กดที่แผนที่ 1 ครั้ง 4. กดเครื่องหมาย แว่นขยาย (อยู่มุมบนซ้ายของแผนที่) เพื่อค้นหาสถานที่ตรวจใกล้บ้าน โดยพิมพ์ รหัสไปรษณีย์ ลงไป 5. ระบบจะแสดงจุดสีแตกต่างกันไปตามประเภทจะปรากฏแผนที่ประเทศไทยขนาดใหญ่บนจอ และมีจุดบอกสถานที่ตรวจหลากหลายสี ดังนี้ – สีเขียว โรงพยาบาลรัฐ […]
คำแนะนำการใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบแท่งแก้ว : กล่องรอดตาย
เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบแก้วมีลักษณะเป็นแท่งยาวที่ประกอบด้วยก้าน และหลอดที่มีขีดสบอกตัวเลขอุณหภูมิ ภายใน เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบแท่งแก้ว บรรจุสารปรอทเอาไว้ ซึ่งเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบแท่งแก้วนี้จะมีคุณสมบัติที่สามารถขยายตัวได้เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเมื่อใช้วัดอุณหภูมิของร่างกาย เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบแท่งแก้วสามารถใช้วัดอุณหภูมิร่างกายได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นที่ปาก รักแร้ หรือทวารหนัก วิธีการใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบแท่งแก้ว สามารถทำได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ 1.ทำความสะอาดเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบแท่งแก้วด้วยสบู่และน้ำเย็นก่อนการใช้งานทุกครั้ง หรือสามารถใช้สำลีหรือผ้าก๊อซสะอาดชุบแอลกอฮอล์เช็ดให้ทั่วปรอทวัดไข้แบบแก้วแล้วล้างออก 2.ล้างมือให้สะอาดก่อนทำการวัดอุณหภูมิร่างกาย 3.เตรียมท่านั่งให้เหมาะสม ก่อนทำการวัดอุณหภูมิทางรักแร้ ควรเช็ดทำความสะอาดรักแร้ให้แห้งสะอาด และไม่มีเหงื่อเพราะอาจจะทำให้การวัดอุณหภูมิด้วยเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้แบบแท่งแก้วคลาดเคลื่อนได้ 4.นำปลายเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้เสียบเข้าไปที่บริเวณรักแร้โดยให้อยู่บริเวณจุดกึ่งกลาง และไม่เลยออกไปทางด้านหลัง รอประมาณ 7- 10 นาที แล้วจึงนำค่าที่ได้ออกมาอ่าน โดยอ่านที่บริเวณเส้นสีเงินที่อยู่บนสุด ว่าตัวเลขอยู่ที่เท่าใด จึงจะได้ค่าอุณหภูมิร่างกายที่แม่นยำ จากนั้นนำมาเทียบกับสเกลอุณหภูมิของร่างกายเพื่อประเมินอาการไข้ อุณหภูมิ 37.6-38.3 องศาเซลเซียส มีไข้ต่ำ อุณหภูมิ 38.4-39.4 องศาเซลเซียส มีไข้ปานกลาง อุณหภูมิ 39.5-40.5 องศาเซลเซียส มีไข้สูง อุณหภูมิ 40.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป มีไข้สูงมาก ต้องรีบเช็ดตัวลดอุณหภูมิและปรึกษาแพทย์โดยเร็ว 5.ล้างทำความสะอาดเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ทุกครั้งหลังใช้งาน ควรหลีกเลี่ยงการวัดไข้หลังการอาบน้ำหรือการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นค่ะ ถ้าหากมีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียส ให้รับประทานยาลดไข้ทันที ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้น ควรติดต่อแพทย์ […]
คำแนะนำการใช้หน้ากากอนามัย : กล่องรอดตาย
วิธีการใช้หน้ากากอนามัย 1. ให้หันด้านสีออกด้านนอก หันด้านสีขาวเข้าด้านใน และให้ด้านที่มีลวดอยู่ด้านบน หากเป็นแบบไม่มีสี ให้สังเกตรอยพับของหน้ากากอนามัย หากมุมของรอยพับชี้ลงด้านล่าง ด้านนั้นจะเป็นด้านนอกของหน้ากากอนามัย 2. นำปลายเชือกทั้ง 2 ข้างคล้องกับใบหู 3. กดขดลวดให้เข้ากับรูปหน้าด้านบน 4. ดึงหน้ากากด้านล่างให้ถึงใต้คาง เมื่อสวมหน้ากากแล้ว ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้ากาก และเมื่อถอดหน้ากากหรือสัมผัสหน้ากากโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้ใช้เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% หรือทําความสะอาดมือ ด้วยสบู่และน้ำหากมีคราบสกปรกติดที่มือควรเปลี่ยนหน้ากากทุก 6-8 ชั่วโมง หรือเมื่อหน้ากากเปียกชื้น สกปรก หรือเมื่อออกจากสถานที่แออัด ไม่ควรใช้หน้ากากซ้ำ โดยหน้ากากอนามัยควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง วิธีการใช้ทิ้งหน้ากากอนามัย 1. ถอดหน้ากาก ให้จับสายรัดและถอดหน้ากากอนามัยจากด้านหลัง พับหน้ากากอนามัยส่วนที่สัมผัสกับใบหน้าเข้าด้านใน เพื่อป้องกันสารคัดหลั่งจากน้ำมูกหรือน้ำลายแพร่กระจายและไม่ควรสัมผัสตัวหน้ากาก 2. […]