ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ทรานส์ฟอร์มร้านนวด สู่ร้านยำ กับ “ตุลย์ ภากร ธนศรีวนิชชัย”
ตุลย์ ภากร ธนศรีวนิชชัย นักแสดงหนุ่มรุ่นใหม่ ที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของธุรกิจนวดไทยสปา ชื่อดังย่านสยามสแควร์ “Nature Thai Massage” ร้านนวดไทยสปาระดับ 4 ดาวครึ่ง ที่โด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน
ขณะที่ธุรกิจนวดไทยสปากำลังรุ่งเรืองเฟื่องฟู หมอนวดไทยทีชื่อเสียงโด่งดังเติบโตทั้งในและต่างประเทศ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจบริการต่าง ๆ หยุดชะงักลง เมื่อรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ประเทศ ธุรกิจนวดไทยจึงเหมือนถูกชัตดาวน์ตามไปด้วย เพราะเป็นธุรกิจที่เสิร์ฟบริการด้วยการสัมผัส
แม้ขณะนี้มาตรการผ่อนปรนของรัฐบาลเริ่มได้รับการประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ร้านนวดไทยยังจัดอยู่กลุ่มธุรกิจท้าย ๆ ที่รัฐบาลอาจจะยังลังเลใจอยู่ ขณะเดียวทั้งผู้ประกอบการและหมอนวดไทยก็เริ่มส่งสัญญานอกสั่นขวัญแขวน กังวลใจในปากท้องของตนเองและครอบครัว ต่างต้องดิ้นรนเริ่มมองหาทางรอด และแน่นอนว่าตุลย์เองในฐานะเจ้าของธุรกิจ รับรู้ปัญหาและความรู้สึกของลูกจ้างของเขามาโดยตลอด เขาจึงตัดสินใจสร้างทางรอดของธุรกิจ เพื่ออีกหลายชีวิตที่อยู่ข้างหลัง โดยยึดหลักมนุษยธรรม ปรับตัวให้อยู่รอด ด้วยการดึงศักยภาพของหมอนวดสร้างสรรค์ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ และบริการใหม่ สอดรับ New Normal
เมื่อเร็ว ๆ นี้ พระเอกหนุ่ม ตุลย์ ภากร เปิดใจกลางรายการ “ตั้งวงเล่า เหลาความคิด” Live Talk ทางแฟนเพจ The Sharpener และ Chula Alumni โดยหวังใจว่า Nature Thai Massage ของเขาจะเป็นตัวอย่างรูปแบบการปรับตัวทางธุรกิจให้อยู่รอดได้ทั้งเจ้าของและลูกจ้างในช่วงวิกฤติโควิด-19
จบสถาปัตย์ จุฬาฯ มาเป็นเจ้าของร้านนวดไทย
“ผมเป็นคนชอบนวดไทยมาก นวดจนรู้ว่ากดตรงไหนแล้วสบาย ช่วงที่ทำงานแสดง เกิดตกผลึกความคิด อยากให้โอกาสตัวเองลองทำงานด้านอื่นบ้าง เลยเริ่มมาทำคลินิกเสริมความงามกับพี่สาวที่บางนา จากนั้นเพื่อนที่เป็นเจ้าของธุรกิจร้านนวดที่สยาม เขาชวนมา พัฒนาธุรกิจใหม่สร้างร้านนวดไทยสปาระดับพรีเมียมใจกลางสยาม ผมเห็นเป็นโอกาส เพราะมองว่าธุรกิจนวดเป็นอะไรที่ประสบความสำเร็จมากในไทย”
Nature Thai Massage ร้านนวดที่ดึงธรรมชาติมาไว้กลางกรุง
“ผมกับเพื่อนอยากทำร้านนวดไทยระดับ 4 ดาวครึ่ง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นความเป็นส่วนตัว ท่ามกลางธรรมชาติ เราเลยออกแบบให้ร้านเต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ และเสียงธรรมชาติ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย นวดสบายตัว ในบรรยากาศที่สบายใจ ออกจากร้านไปด้วยความสุข”
เคล็ดลับอยู่ที่น้ำหนักมือ
“นอกจากบรรยากาศร้านที่ดึงธรรมชาติมาไว้ในเมือง ร้านของเราคัดหมอนวดไทยที่มากประสบการณ์ น้ำหนักมือดีมีมาตรฐานทุกคน เราไม่อยากให้ลูกค้าต้องมาลุ้นว่า วันนี้จะได้หมอนวดมือหนักไปหรือเบาไป สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับคือ หมอนวดที่มีน้ำหนักมือมาตรฐานเดิมทุกวัน รีวิวร้านของเราจึงดีมาก ทำให้ลูกค้ารายใหม่ ๆ เข้าเรื่อย ๆ ตามเรทติ้งที่ลูกค้ารายเก่าชื่นชมเรา”
ช็อก ! เซ่นโควิดธุรกิจหยุดชะงัก
“ก่อนวิกฤติโควิด-19 สถานการณ์ของร้านดีมาก ลูกค้าของเรากว่า 70% เป็นชาวจีน รองลงมาคือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รัสเซีย อินเดีย ตามลำดับ ทันทีที่รัฐบาลประกาศให้กรุงเทพฯเป็นพื้นที่สีแดง สถานประกอบการต่าง ๆ ต้องปิด การท่องเที่ยวหยุดชะงัก ผมตกใจมาก จำได้ว่ามีคำสั่งวันที่ 18 มีนาคม 2563 ในใจลึก ๆ ก็คาดหวังว่าสิ้นเดือนมีนาคมทุกอย่างคงคลี่คลาย ร้านคงเปิดได้ปกติ แต่ความจริงไม่เป็นอย่างที่หวัง ถึงตอนนี้จะสิ้นเดือนพฤษภาคมแล้วก็ยังไม่ได้เปิด” แม้วิกฤติครั้งนี้จะเป็นสถานการณ์ใหญ่เกินเยียวยา แต่ตุลย์มองว่า ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่เจอปัญหา แต่นี่คือปัญหาที่คนทั่วโลกได้รับผลกระทบ ตุลย์มองไปรอบ ๆ ตัว เขามีทั้งลูกจ้าง ทั้งค่าเช่า ที่ยังต้องรับผิดชอบ แม้เจอวิกฤติแต่ชีวิตต้อง Move on เจ้าของธุรกิจหนุ่มรายนี้จึงพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยการวางแผนเปิดร้านขายอาหารแทนที่ร้านนวด
“เรารู้ว่าหมอนวดที่ร้านต้องกินต้องใช้ ทุกคนมีภาระของตัวเอง ผมก็เช่นกัน รู้ว่าทุกคนเหนื่อยมาก แต่เราก็ต้องทำงานให้หนักขึ้น เพื่อให้คนที่ลำบากกว่าอยู่ได้ คนเป็นนายจ้างต้องนึกถึงลูกจ้างให้มาก ๆ ให้รอดไปด้วยกัน ที่ร้านยังให้ค่าประกันมือหรือค่าแรงขั้นต่ำหมอนวด ใครไม่มีที่พัก จ่ายค่าเช่าห้องไม่ไหว ให้มาอยู่ที่ร้าน ระหว่างรอเปิดร้าน เราฝึกหมอนวดอยู่ตลอด ทั้งปรับกระบวนท่า ฝึกภาษาจีน ภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา”
ลุยไฟฝ่าวิกฤติ ทรานส์ฟอร์มร้านนวด สู่ร้านยำ ?
“หมอนวดที่ร้านมีฝีมือการทำอาหารหลายคน ตัวผมเองก็วางแผนต้องทำอะไรสักอย่างกับร้านนวดที่กำลังจะเปิดที่พร้อมพงษ์ เพราะยังต้องจ่ายค่าเช่า เลยคิดจะเปิดเป็นร้านอาหารแทนก่อน มีเมนู 3 อย่างในใจที่จะเป็นซิกเนเจอร์ของร้านคือ กระเพรา ยำ และคอหมูย่าง เลยจัดประกวด Massage Chef ในหมู่หมอนวดของเรากับ 3 เมนูนี้ เพื่อนำรสชาติที่อร่อยที่สุดมาเป็นสูตรของร้าน จึงเป็นที่มาของร้านคนใจยำ ซึ่งได้รับฟีดแบคดีมาก ลูกค้าเยอะมาก จนตอนนี้คิดว่าอนาคตจะขยายสาขาไปที่สยามสแควร์”
“ผมแบ่งงานให้หมอนวดออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทำร้านยำ กลุ่มทำหมูกระจกส่งร้านยำ กลุ่มทำน้ำสมุนไพรส่งร้านยำ กลุ่มทำผลิตภัณฑ์สปา และกลุ่ม Massage Delivery ที่เริ่มทำมาตั้งแต่ช่วงต้นโควิด แต่หยุดไปชั่วคราวและตอนนี้กำลังจะกลับมาเซอร์วิสลูกค้าอีกครั้งเร็ว ๆ นี้”
เตรียมปรับตัวรับ New Normal เต็มที่รับคลายล็อกดาวน์
“สำหรับร้านนวด ผมมีมาตรการป้องกันโควิด-19 ให้กับทั้งตัวลูกค้าและหมอนวดของเราเต็มที่ เราจะวัดไข้ แจกแมสก์ให้ลูกค้า ใช้กระดาษสาแบบ one time use ปูรองอีกชั้นหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ที่ร้านเราจะมีระบบ check-in ของเราเอง เราพัฒนาระบบ software เป็นแอปพลิเคชั่นเพื่อเก็บข้อมูลของลูกค้า ที่ได้รับความยินยอม เพื่อการจัดการที่ง่ายขึ้น หากมีคนติดเชื้อ เราสามารถ call back ได้ทันที ที่สำคัญ หมอนวดของเราที่กำลังจะกลับมาจากต่างจังหวัด เรามีมาตรการให้เขากักตัวในที่พัก 14 วัน และตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน เพื่อให้ทุกคนมั่นใจ”
แม้ขณะนี้ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า ธุรกิจร้านนวดไทยสปา จะมีมาตรการผ่อนปรนเมื่อไหร่ แต่การเตรียมความพร้อมด้านมาตรการป้องกันเชื้อโควิด-19 เป็นเรื่องที่สถานประกอบการทุกแห่งพึงต้องจัดการอย่างเข้มงวด เพื่อแสดงพลังให้รัฐบาลเห็นว่า สถานประกอบการมีศักยภาพ มีความพร้อมที่จะปรับตัว การปรับตัวรองรับ New Normal ไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะทำอย่างไรให้ปรับตัวได้อย่างมีคุณภาพและสร้างธุรกิจให้กลับมาปังยิ่งกว่าเดิม
และนี่คืออีกหนึ่งเรื่องราวดีดีที่น่าชื่นชมของ ตุลย์ ภากร ธนศรีวนิชชัย ผู้ผลิกวิกฤติร้านนวด สู่ร้านยำที่ปังที่สุดย่านพร้อมพงษ์ ผู้ที่ทำให้เราเชื่อว่า ในทุกวิกฤติ ย่อมมีโอกาสเสมอ ติดตามเรื่องราวการปรับตัวรับ New Normal คุยผ่าวิถีใหม่ เซอร์วิสไทยต้องรอดได้ในรายการ “ตั้งวงเล่า เหลาความคิด” ทางแฟนเพจ The Sharpener และ Chula Alumni ได้ทุกคืนวันพุธ 2 ทุ่มตรงเป็นไป