ปตท. ประกาศจับมือ Plug and Play ก้าวสำคัญขององค์กรไทยในวันที่สตาร์ทอัพเบ่งบาน
หากเราย้อนมองไปในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่าเป็นยุครุ่งเรืองอย่างที่สุดของกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพ หลากหลายนวัตกรรมจากองค์กรขนาดเล็ก แต่ศักยภาพไม่ธรรมดาเหล่านี้ได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญ ทั้งภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ รวมไปถึงการเข้ามาทำให้วิถีชีวิตของผู้คนสะดวกยิ่งขึ้นกว่ายุคไหนๆ กลายเป็นรูปแบบการเติบโตของธุรกิจที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ
อย่างในบ้านเรา ก็มีการขยับตัวครั้งสำคัญ ที่นำโดยกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย อย่าง “ปตท.” ที่ได้ประกาศความร่วมมือกับ “Plug and Play” บริษัทผู้พัฒนาและบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพระดับโลกจาก Silicon Valley สหรัฐอเมริกา ซึ่งผ่านการลงทุนในสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ทั้ง PayPal, Dropbox และ Lending Club พร้อมวางเป้าหมายในการพัฒนาสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยตามแนวคิด PTT หรือ “Powering Thailand’s Transformation”
ความน่าสนใจของการร่วมมือครั้งนี้อยู่ตรงที่ บริษัทของไทยจะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแพลตฟอร์มนวัตกรรมที่น่าเชื่อถือและใหญ่โตที่สุดของโลกอย่าง Plug and Play ซึ่งมีประสบการณ์ดูแลสตาร์ทอัพด้วยระบบ Ecosystem ที่แข็งแกร่ง และถูกพัฒนามาอย่างยาวนาน ด้วยการให้บริการที่รอบด้าน ได้แก่
- Accelerator Program กับสตาร์ทอัพกว่าปีละ 50 ครั้ง ผ่านสาขาที่ตั้งอยู่ใน 32 เมืองทั่วโลก
- Plug and Play Ventures ซึ่งจะเป็นการเข้าลงทุนในสตาร์ทอัพต่างๆ ที่มีศักยภาพ ปัจจุบันลงเม็ดเงินไปกับบริษัทสตาร์ทอัพแล้วมากกว่า 10,000 แห่ง
- Corporate Innovation Services บริการเชื่อมโยงบริษัทชั้นนำเข้ากับสตาร์ทอัพในเครือข่ายของ Plug and Play พาให้บริษัทที่มีทรัพยากรและสตาร์ทอัพที่มีไอเดียมาเจอกัน โดยมีองค์กรระดับโลกที่จับมือกับ Plug and Play อยู่ขณะนี้ อาทิ DuPont, Johnson & Johnson, Mercedes-Benz, Dyson, P&G, ExxonMobil
ในส่วนนี้เองที่ ปตท. ได้เข้าไปประสานความร่วมมือ เพื่อรับโอกาสในการเข้าถึงบริษัทสตาร์ทอัพในสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ทำให้สามารถติดต่อบริษัทเหล่านี้ได้โดยตรง ภายใต้โครงการสมาร์ทซิตี้ ซึ่งจะมีธุรกิจแนวหน้าจากอุตสาหกรรมต่างๆ มารวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงานและความยั่งยืน, อสังหาริมทรัพย์, การขับเคลื่อน, IoT และ สุขภาพดิจิทัล ที่พร้อมจะช่วยตอบโจทย์การแก้ปัญหาต่างๆ ตามความต้องการของ ปตท. โดยจุดนี้จะสอดคล้องไปกับแนวทางของบริษัทที่มีความพยายามในการสร้าง Innovation Ecosystem ให้เติบโตไปสู่ระดับนานาชาติ วางเป้าหมายดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ Partnership and Platform เพื่อพัฒนาธุรกิจของ ปตท. ให้เป็นมากกว่าแค่ผู้ผลิตสินค้าเพื่อจำหน่าย
อีกทั้งความร่วมมือในครั้งนี้ยังมีส่วนสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นภาพรวมของอุตสาหกรรมพลังงานและเทคโนโลยีของไทย ด้วยโอกาสในการเข้าไปศึกษาและนำข้อมูลด้านเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องจากหลากหลายสตาร์ทอัพมาต่อยอด โดยหน่วยงาน ExpresSo ของ ปตท. ที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน Innovation ผ่านกลยุทธ์ “3 News” ที่จะช่วยผลักดันสินค้าและบริการไปสู่มาตรฐานใหม่ ประกอบไปด้วย
1. New Energy มุ่งเน้นในการวิจัยและพัฒนาพลังงานใหม่และพลังงานทดแทน เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนทางพลังงาน
2. New Mobility พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนด้วยเทคโนโลยีเพื่อการเดินทางและขนส่งยุคใหม่ เพิ่มความสะดวกสบาย และลดมลภาวะ
3. New Industry ผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยให้เข้าสู่ยุค 4.0 อย่างแท้จริงด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
นายวรวัฒน์ พิทยศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและดิจิทัล บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวสรุปไว้ว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาศักยภาพกระบวนการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้มีประสิทธิภาพและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ผ่านการเรียนรู้ด้วยวิธีการของ Plug and Play และบริษัทชั้นนำทั่วโลก เพื่อขับเคลื่อนให้ ปตท. เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมไปสู่เวทีโลก พร้อมนำพาประเทศไทยให้ก้าวหน้าสู่ระดับสากล”
กล่าวได้ว่า การจับมือครั้งนี้ระหว่าง ปตท. และ Plug and Play มีความน่าสนใจในหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแนวทางเหล่านี้ประสบความสำเร็จ จะมีส่วนสำคัญอย่างมากในการยกระดับประเทศในทุกภาคส่วน