รองนายกฯ ‘อนุทิน’ หนุน “ทีมไทยแลนด์” เร่งผลิตวัคซีนจุฬาฯ ใช้เอง ดึงคนไทยมีส่วนร่วมบริจาคห้าร้อยบาทให้ถึงล้านคน
วันนี้ (14 ธ.ค. 63) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” ของมูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับบริจาคทุนวิจัย 500 บาท จากคนไทย 1 ล้านคน เร่งผลิตวัคซีนโควิด-19 จากใบพืช พร้อมเปิดตัว “ทีมไทยแลนด์” ร่วมพัฒนาวัคซีนสานฝันคนไทยมีวัคซีนใช้เองจากฝีมือคนไทย 100% คาดพร้อมใช้ปลายปี 2564
ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดพิธีเปิดโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” เปิดรับบริจาคทุนวิจัย 500 บาท จากคนไทย 1 ล้านคน รวม 500 ล้านบาท เพื่อเร่งผลิตวัคซีนโควิด-19 จากใบพืชเพื่อทดสอบในมนุษย์ได้ทันภายในเดือนมิถุนายน 2564 พร้อมเปิดตัว “ทีมไทยแลนด์” ร่วมลงนามความร่วมมือวิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนป้องกันโรคจากไวรัสโควิด-19 ระหว่างองค์การเภสัชกรรม โดย นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิง ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง และบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด โดยนายมารุต บูรณะเศรษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศใช้เองได้ตั้งแต่ต้นน้ำ ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรรม ศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มณฑิรา นพรัตน์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่า “การจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับคนไทยทั้งประเทศราว 66.5 ล้านคน นับเป็นเรื่องท้าทายแต่ก็จำเป็น ไม่ว่าจะต้องติดต่อขอจองซื้อจากต่างประเทศ สั่งซื้อนำเข้ามา หรือหากสามารถผลิตวัคซีนได้เองในประเทศตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำแล้ว ล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องดำเนินการควบคู่กันไป ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จองซื้อและซื้อวัคซีนต้านโควิด-19 จาก บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด ไว้แล้ว จำนวน 26 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอสำหรับคนไทย 13 ล้านคน และยังได้สนับสนุน วางแผนจัดหาวัคซีนโควิด-19 จากแหล่งอื่น โดยให้ความสำคัญสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ผลิตได้เองจากนักวิจัยไทยจากสถาบันต่าง ๆ ภายในประเทศที่ได้ผนึกกำลังกันเป็น “ทีมไทยแลนด์” ประจักษ์ชัดแล้วในวันนี้ ถือเป็นความหวัง เป็นความภูมิใจ และเป็นขีดความสามารถใหม่ของประเทศไทยที่เราจะผลิตวัคซีนได้เองตั้งแต่ต้นน้ำเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะให้การสนับสนุนทุกสรรพกำลังอย่างเต็มความสามารถผ่านสถาบันวัคซีนแห่งชาติ องค์การเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โครงการวัคซีนเพื่อคนไทยนี้สำเร็จลุล่วงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ประเทศของเราข้ามผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายกลับคืนสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว”
ทางด้าน ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กล่าวว่า “จุฬาลงกรณ์มหาลัยได้ขานรับนโยบายของกระทรวงฯ อย่างรวดเร็วด้วยการตั้ง บริษัท ซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ จำกัด บริษัท Holding Company ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพจุฬาฯ จากการบ่มเพาะของศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือ CU Innovation Hub มีผลงานนวัตกรรมเชิงประจักษ์ ช่วยชาติ ช่วยคนไทยออกมามากมายในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะนวัตกรรมจากงานวิจัยของ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยนักวิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ที่วันนี้สามารถพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากใบพืชได้สำเร็จแล้วในระดับห้องปฏิบัติการ และพร้อมก้าวไปอีกขั้นเพื่อผลิตวัคซีนนี้ได้เองภายในประเทศตั้งแต่ต้นน้ำในโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” เพื่อดูแลพี่น้องคนไทยและประเทศไทยให้กลับมาหยัดยืนได้อย่างแข็งแรงอีกครั้ง ซึ่งความสำเร็จของการค้นคว้า วิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ในครั้งนี้นอกจากจะช่วยสร้างความหวังให้กับคนไทยทั้งชาติสามารถก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปได้ในเร็ววัน ยังเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับการพัฒนาองค์ความรู้เรื่องการพัฒนายาและวัคซีนให้กับประเทศไทย ต่อยอดเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับคนไทย และจะสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศไทยได้อีกมาก”
ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า “การจัดตั้งบริษัท Holding Company ตามนโยบายของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่จุฬาฯ ขานรับและได้ดำเนินการภายใต้ชื่อ บริษัท ซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ จำกัด และมูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ จึงรองรับและขับเคลื่อนโครงการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด และภาคีเครือข่าย “ทีมไทยแลนด์” ที่กำลังจะร่วมลงนามประกาศความร่วมมือกันอย่างเป็นทางการในวันนี้ ประกอบด้วย องค์การเภสัชกรรม และ บริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ให้สามารถพัฒนานวัตกรรมได้อย่างก้าวกระโดดและทันต่อความต้องการของประเทศและคนไทย ผ่านโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” สนับสนุนนักวิจัยไทยค้นคว้าวัคซีนโควิด-19 ที่เราจะเริ่มเชื้อเชิญคนไทยให้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นหนึ่งในทีมไทยแลนด์ไปด้วยกันกับเราด้วยการบริจาคเงินคนละ 500 บาท ให้ได้ 1 ล้านคน เพื่อนำมาเป็นทุนวิจัยและพัฒนาวัคซีนเพื่อคนไทยโดยคนไทยต่อไป โดยจะเริ่มบริจาคพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป”
การบริจาคในโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” มูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอตอบแทนน้ำใจผู้บริจาค โดยผู้บริจาคทุกท่านจะได้รับสิทธิส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยประเภทบุคคลสำหรับกรมธรรม์ฉบับใหม่จากบริษัทประกันที่เข้าร่วมโครงการ และในกรณีผลิตวัคซีนสำเร็จและพร้อมให้บริการแก่บุคคลทั่วไป ผู้บริจาคจะมีสิทธิจองซื้อวัคซีนได้ก่อนบุคคลทั่วไป แต่จะได้สิทธิหลังจากการให้ การจำหน่าย หรือการใช้วัคซีนให้แก่บุคคลอื่นใดตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายหรือรัฐบาลกำหนด
ข้อมูลเพิ่มเติม : www.CUEnterprise.co.th