เปิดเบื้องหลังความสำเร็จวัคซีน mRNA ‘CU-Cov19’
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทยที่ผ่านมาเป็นเวลาเกือบขวบปี ทำให้เราได้เห็นศักยภาพของ บุคคลากรทางการแพทย์ของไทย ที่มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับวิกฤติด้านสาธารณสุขระดับโลกได้ดี ทั้งความพร้อมด้านการบริหารจัดการสถานที่ ตลอดจนการนำทักษะ องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมล้ำสมัย เข้ามาใช้ดูแลพี่น้องประชาชนตามมาตรฐานสากลและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดตามมาตรการที่องค์การอนามัยโลกประกาศ หากแต่การระงับยับยั้งเชื้อไวรัสร้ายนี้เพื่อเยียวยา และกู้สถานการณ์ให้คนบนโลกกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างแข็งแรงยังจำเป็นต้องรอให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้รับการพัฒนาและนำมาใช้จริงได้ในเร็ววัน
ด้วยเหตุนี้ ภาคีเครือข่ายนักวิจัยทั่วโลกจึงได้ผนึกกำลังพยายามเร่งพัฒนาวัคซีนจากแพลตฟอร์มที่แตกต่างหลากหลายไม่ใช่เพื่อช่วงชิงความเป็นที่หนึ่ง หากแต่เพื่อความมั่นคงและสวัสดิภาพของมวลมนุษย์ชาติ ครั้งนี้เราได้เห็นการทำงานอย่างหนักของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการวิจัยและพัฒนาวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมสำคัญในภารกิจระดับโลกเฉกเช่นที่เคย
ศ. นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการวิจัยและพัฒนาวัคซีน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้อำนวยการโครงการวิจัยวัคซีนโควิด-19 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ ศูนย์ของเราทำงานภายใต้พันธกิจ ‘Discover, develop and deliver safe, effective and affordable vaccines’ ซึ่งก่อนหน้านี้เราทำงานมุ่งเน้นไปที่การป้องกันโรคติดเชื้อและไม่ติดเชื้อชนิดอื่น ๆ อยู่ก่อนแล้ว ได้แก่ เอชไอวี (Human immunodeficiency virus, HIV) โรคไข้เลือดออกชนิด (Dengue) โรคฉี่หนู (Leptospirosis) และภูมิแพ้ไรฝุ่นในบ้าน (House dust mite) และได้เผยแพร่ตีพิมพ์ผลงานวิจัยสู่สาธารณะไปแล้วกว่า 19 ฉบับ โดยศูนย์ของเราทำงานร่วมกับหน่วยงานภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งกับคณะเภสัชศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ เรามีความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยภายในประเทศทั้งกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายวิจัยวัคซีนระหว่างประเทศ ได้แก่ Vaccine Research Center (VRC) National Institute of Allergy and Infectious Diseases (NIAID) National Institute of Health (USA); Department of Adjuvant and Antigen Research, U.S., Military HIV Research Program (MHRP) และ Walter Reed Army Institute of Research (WRAIR) ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเกิดการระบาดอย่างหนักของไวรัสโคโรน่าตลอดขวบปีที่ผ่านมา เครือข่ายของเราก็เร่งทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นจนสามารถพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ‘CU-Cov19’ ได้สำเร็จ”
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการวิจัยและพัฒนาวัคซีน ซึ่งร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ได้เผยผลสำเร็จการทดสอบวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA “Chula-Cov19” ในลิงได้ผลดี และกำลังรอหน่วยงานรัฐไฟเขียวให้ทดลองในมนุษย์ (จิตอาสา) ช่วงปลายปี 2563
“ลิงที่ได้รับวัคซีนทุกตัวมีระดับภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้น โดยลิงกลุ่มที่ได้รับวัคซีนโดสสูงมีระดับภูมิคุ้มกันที่สูงมาก และเรายังพบอีกว่าลิงทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีน ผลการทดลองนี้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการวิจัยและพัฒนาวัคซีนจึงจะเริ่มสั่งผลิตวัคซีนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบในมนุษย์ที่เป็นจิตอาสาตามแผนที่วางไว้ประมาณเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม ปี พ.ศ. 2563 นี้ต่อไป เพียงแต่ยังต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ และการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เสียก่อน และคาดว่าจะสามารถเปิดรับสมัครจิตอาสาได้เร็วที่สุดในช่วงกลางเดือนกันยายน” ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม กล่าว
อ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/pr/detail/72128