“100 ปี เขื่อนพระราม 6” ปฐมบทแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน ชป.มั่นใจ เขื่อนพระราม 6 บริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพ
วันนี้ (25 พ.ย. 67) นายเสริมชัย เซียวศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 พร้อมด้วย นายทนงศักดิ์ มูลใจตา หัวหน้าฝ่ายวิศกรรม นายสุปัญญา กาญจนธีรวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน นายเอกชัย สำเนียงใหม่ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 และผู้เกี่ยวข้อง นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ ติดตามการบริหารจัดการน้ำเขื่อนพระราม 6 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เขื่อนพระราม 6 เป็นเขื่อนทดน้ำแห่งแรกของไทย ตั้งอยู่ที่ตําบลท่าหลวง อําเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2467 มีระบบบริหารจัดการน้ำที่เชื่อมโยงกันทั้งลุ่มน้ำ โดยบูรณาการร่วมกันระหว่างเขื่อนขนาดใหญ่ทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งจะใช้เกณฑ์ควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อน (Rule Curve) ที่เป็นมาตรฐานสากล ควบคุมทั้งการรับน้ำเข้าพื้นที่ฝั่งตะวันออกผ่านประตูระบายน้ำสำคัญในอัตราที่กำหนด มีจุดประสงค์เพื่อใช้จัดสรรน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งสนับสนุนภาคการเกษตร อุตสาหกรรม รักษาระบบนิเวศ และบรรเทาภัยแล้งมีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 1.5 ล้านไร่ อีกทั้งยังมีส่วนสําคัญในการจ่ายนํ้าให้แก่โรงไฟฟ้าวังน้อย โรงไฟฟ้าเอกชน และนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ในพื้นที่โดยรอบด้วย
นายเสริมชัย เซียวศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 เปิดเผยว่า “จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับปฏิทินชลประทานที่เริ่มเข้าฤดูแล้ง 2567/2568 สำนักงานชลประทานที่ 10 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ (เขื่อนพระราม 6) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยตลอดฤดูฝนที่ผ่านมาปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีจำนวนมากถึง 956.5 ล้าน ลบ.ม. หรือเต็มความจุอ่างฯ มากพอที่จะสนับสนุนทั้งภาคการเกษตรและการอุปโภคบริโภคได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ ยังใช้เพื่อรักษาระบบนิเวศของลำน้ำป่าสัก ผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างลงสู่อ่าวไทย เพื่อรักษาคุณภาพน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย และในปีนี้ครบรอบ 100 ปี เขื่อนพระราม 6 ที่ผ่านมากรมชลประทานได้ดูแล บำรุงรักษา และบริหารน้ำมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยเขื่อนทำหน้าที่ส่งน้ำให้กับเกษตรกร ได้ทำการเพาะปลูก และประชาชน มีน้ำใช้ได้อย่างไม่บกพร่อง รวมทั้งมีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นต้นน้ำช่วยสนับสนุนการทำงานของเขื่อนพระราม 6 ทำให้การจัดสรรน้ำมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ช่วยเติมน้ำช่วงฤดูแล้ง และช่วงที่ขาดแคลนน้ำ ช่วยชะลอน้ำช่วงที่มีน้ำหลาก อย่างไรก็ดี ฝากถึงผู้ใช้น้ำ เกษตรกร ผู้ได้รับประโยชน์จากน้ำเขื่อนพระราม 6 ขอให้เห็นคุณค่าของน้ำ ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่”
จาก 100 ปีที่ผ่านมา เขื่อนพระราม 6 ไม่เพียงสะท้อนการเป็นต้นแบบโครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทาน ยังพิสูจน์ให้เห็นถึงการพัฒนาที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นับเป็นต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนที่จะส่งต่อสู่การพัฒนาระบบชลประทานไทยในศตวรรษที่สองต่อไป ล่าสุด คณะกรรมการด้านการชลประทานและการระบายน้ำแห่งประเทศไทย (THAICID) เตรียมส่ง “เขื่อนพระราม 6” ให้คณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยการชลประทานและการระบายน้ำ (ICID) พิจารณาขึ้นทะเบียนประกวดเข้ารับรางวัลอาคารชลประทานมรดกโลกในการประชุมมนตรีฝ่ายบริหารระหว่างครั้งที่ 76 ระหว่างวันที่ 7-13 กันยายน พ.ศ.2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย