S 10797087 1

นายกฯ แถลงย้ำมาตรการยังได้ผลดี

นายกฯ แถลงผลงานเดินหน้าแก้โควิดทุกด้านยังดี เน้นเพิ่มขีดความสามารถดูแลรักษา เฝ้าระวัง รักษาความมั่นคง ควบคุมสินค้า เยียวยาเหยื่อพิษเศรษฐกิจ พร้อมขอบคุณ อสม. ทุกคน ย้ำคุมเข้มสงกรานต์ อวยพรให้คนไทยฝ่าโควิดไปด้วยกัน

✅ วันนี้ (10 เม.ย.63) เวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย สรุปผลงานรัฐบาลที่เดินหน้าแก้ปัญหา COVID-19 ครอบคลุมทุกด้าน

ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ประกอบด้วย มาตรการลดการแพร่กระจายของไวรัส COVID-19 ที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้วอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การรณรงค์เพื่อการเพิ่มระยะห่างทางสังคม Social Distancing ส่งเสริมการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home รวมถึงกลไกการทำงานที่ขันแข็งของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กว่า 1 ล้านคน ทั่วประเทศที่ทำหน้าที่หยิบยื่นสุขภาพที่ดีไปถึงหน้าประตูบ้าน

มาตรการเพิ่มขีดความสามารถเพื่อให้เกิดการดูแลรักษา โดยรัฐบาลได้ดำเนินการจัดหาหน้ากากอนามัย N95 เพิ่มอีก 200,000 ชิ้น สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งปัจจุบันสามารถอบความร้อนจากรังสี UVC เพื่อนำกลับมาใช้ได้ถึง 4 ครั้ง จัดหาหน้ากากอนามัยสำหรับหมอและพยาบาลทั่วประเทศ 1.5 ล้านชิ้นต่อวัน ส่วนหน้ากากผ้าสำหรับประชาชนทั่วไป 50 ล้านชิ้น และอุปกรณ์การแพทย์อื่น ๆ ศบค. จะมีข้อมูลตั้งแต่โรงงานผลิต การจัดส่งโดยบริษัทไปรษณีย์ไทย ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย ไปจนถึงภาคการกระจายในพื้นที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

การนำเข้ายาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) จากประเทศจีนและญี่ปุ่น ดำเนินการไปแล้ว 5 ครั้ง รวม 187,000 เม็ด และอยู่ในระหว่างการจัดหาเพิ่มเติมอีก 200,000 เม็ด นอกจากนี้การจัดเตรียมเตียงเพิ่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในการรองรับดูแลผู้ป่วยจำนวน 98 แห่ง ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีการหาห้องไอซียูเพิ่มอีก 80 เตียงเพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคต รวมทั้งความพร้อมของสถานที่กักตัวในการเฝ้าระวังของรัฐ ทั้งในกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาค ซึ่งจะสามารถรองรับได้ประมาณ 20,000 คน โดยให้ความสำคัญอย่างมากก็คือการป้องกันไม่ให้บุคลากรทางการแพทย์ต้องติดเชื้อเพิ่มเติมขึ้นอีก

ด้านการป้องกันและช่วยเหลือประชาชนรวมทั้งการรักษาความมั่นคง ประกอบด้วยการจำกัดการเดินทางระหว่างจังหวัดและการประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ช่วงเวลา 22.00 – 04.00 น. เป็นเวลา 6 ชั่วโมง ทั้งนี้ ศบค. ได้จัดกำลังพลกว่า 20,000 นายตั้งจุดตรวจรูปแบบต่าง ๆ มากกว่า 1,000 แห่ง ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการฝ่าฝืน มีการมั่วสุมชุมนุมกันในยามวิกาลกว่า 6,500 ราย ในช่วงวันที่ 3 – 10 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เป็นที่น่าพอใจ

ด้านการควบคุมสินค้า มีสถิติการร้องเรียน การขายสินค้าราคาแพง การกักตุนสินค้า และการปฏิเสธการขายสินค้าโดยไม่มีเหตุผลเป็นจำนวนมาก โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานั้น สามารถจับกุมและดำเนินคดีการขายสินค้าเกินราคาได้ 20 ราย และไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้า 36 รายการ จงใจทำให้ราคาสินค้าต่ำหรือสูงเกินสมควรจนทำให้เกิดความปั่นป่วน จำนวน 75 ราย นอกจากนี้นับตั้งแต่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการประกาศให้หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์เป็นสินค้าควบคุม มีสถิติการกระทำความผิดเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์โดยจับกลุ่มได้ถึง 334 คดี ยึดของกลางเป็นหน้ากากกว่า 2,700,000 ชิ้น แอลกอฮอล์มากกว่า 300,000 ลิตร ชุดตรวจ COVID-19 จำนวน 60,000 ชุด และเครื่องวัดอุณหภูมิกว่า 4,000 เครื่อง คิดเป็นมูลราคารวมมากกว่า 177 ล้านบาท

ด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ช่วงที่ผ่านมาได้อนุมัติมาตรการดูแลและเยียวยาทั้งทางตรงและทางอ้อมในทุกมิติ เป็นวงเงิน 1,900,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของจีดีพี ประกอบด้วย

1) การออกพระราชกำหนดให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาวงเงิน 1,000,000 ล้านบาท โดยครอบคลุม 3 แผนงานหลัก ได้แก่

– แผนงานด้านสาธารณสุขเพื่อจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยารักษาโรค และสนับสนุนการทำงานและงานวิจัย
– แผนงานเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบครอบคลุมประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง
โดย 2 แผนงานนี้จะใช้งบประมาณรวม 600,000 ล้านบาท

– แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ การสร้างงานใหม่ การกระตุ้นการบริโภค การส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้กลับมาสู่ภาวะปกติ ยกระดับคุณภาพชีวิตเพื่อรองรับการพัฒนาในระยะยาว
โดยแผนงานนี้ใช้งบประมาณ 400,000 ล้านบาท

2) การออกพระราชกำหนดให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการ SMEs วงเงิน 500,000 ล้านบาท โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะดำเนินการร่วมกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงิน มีการออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ

3) ออกพระราชกำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสนับสนุนสภาพคล่องเพื่อจะดูแลเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ในวงเงิน 400,000 ล้านบาท

4) เตรียมยกร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ โดยให้หน่วยงานปรับลดงบประมาณ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของวงเงินคงเหลือที่ไม่มีข้อผูกพัน เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด ปัญหาภัยแล้ง และปัญหาภัยพิบัติอื่นที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของปีงบประมาณนี้ โดยคณะรัฐมนตรีจะเร่งเสนอร่างกฎหมายโดยเร็ว และคาดว่าจะทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายได้ ไม่เกินกลางเดือนมิถุนายน 2563

5) คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการการเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล ข้าราชการของกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลของสถาบันอุดมศึกษาในสังกัด กระทรวงอุดมศึกษาฯ กว่า 45,000 อัตรา ทั้งในส่วนของอัตราข้าราชการตั้งใหม่ จำนวน 38,000 อัตรา และอัตราข้าราชการตั้งใหม่สำหรับนักเรียนแพทย์ ปี 2563 จำนวนกว่า 7,000 อัตรา

6) เพิ่มจำนวนหน่วยที่ใช้ไฟฟ้าฟรี จาก 50 หน่วยต่อเดือน เป็น 90 หน่วยต่อเดือน สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านที่อยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ทั่วประเทศ ทั้งนี้ก็เพื่อจะเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนซึ่งคาดว่าประชาชนจะได้รับผลประโยชน์ 6,400,000 ราย

ด้านการต่างประเทศ เน้นการกักกันผู้เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ 14 วัน ปัจจุบันได้มีมาตรการชะลอการเดินทางกลับของชาวไทยในต่างประเทศ ต่อไปจนถึงวันที่ 18 เมษายน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการช่วยเหลือเยียวยา เพื่อจะลดผลกระทบในระหว่างที่ต้องอาศัยอยู่ในต่างแดนโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในรูปแบบเงินช่วยเหลือเพื่อจะลดภาระค่าใช้จ่าย

ด้านการสื่อสารในสภาวะวิกฤติ ปัจจุบันยังคงมีข่าวปลอม ข่าวบิดเบือนอย่างต่อเนื่อง มีคดีจำนวนทั้งสิ้น 26 คดี จับกุมแจ้งข้อหา จำนวน 10 คดี มีผู้ต้องหา 13 ราย และออกหมายเรียกผู้ต้องหาอีก จำนวน 3 คดี

สัปดาห์หน้าเป็นช่วงเทศกาลประเพณีสงกรานต์ แม้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลจะได้ประกาศเลื่อนการและให้ทำงานตามปกติแล้วจะมีการชดเชยให้ภายหลัง แต่ก็ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อ ดังนั้น รัฐบาลจึงมีแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญ

โดยมีข้อห้าม ดังนี้

  1. งดเว้นการจัดงานสงกรานต์ในทุกระดับ
  2. งดเว้นการเดินทางกลับภูมิลำเนา
  3. งดเว้นการรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ในทุกกรณี
  4. งดการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันของคนหมู่มาก หรือเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโดยเด็ดขาด

ข้อควรปฏิบัติ ดังนี้

  1. สรงน้ำพระพุทธรูปที่บ้าน
  2. การแสดงความกตัญญูขอพรต่อพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ในบ้านเดียวกัน โดยเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล 1-2 เมตร และให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยด้วย
  3. ส่งเสริมให้แสดงความรักและความกตัญญูต่อบุพการีผู้มีพระคุณที่อยู่ไกลกัน ผ่านโทรศัพท์มือถือหรือสื่อออนไลน์

“เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ไทยที่มาถึงนี้ ผมในนามของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลขออวยพรให้ให้พี่น้องประชาชนทุกคนมีความสุขสุขภาพแข็งแรง มีกำลังใจและร่วมกันต่อสู้วิกฤตินี้ไปด้วยกัน และขอให้สงกรานต์นี้ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อครอบครัวกันให้มากที่สุดนะครับ เราจะร่วมกันฝ่าฟันวิกฤติในครั้งนี้ให้จงได้ ประเทศไทยจะต้องชนะอย่างแน่นอน”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
Tags:
WordPress Cookie Notice by Real Cookie Banner