
เกาะติดสถานการณ์ COVID-19 วันที่ 19 ส.ค. 64
วันที่ 19 ส.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 20,902 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมรวม 960,996 ราย แบ่งเป็นกำลังรักษา 205,946 ราย หายแล้วจำนวน 747,901 ราย มีผู้รักษาหายเพิ่ม 22,208 ราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่ม 301 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 8,580 ราย
.
ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
เกาะติดสถานการณ์ COVID-19 วันที่ 20 ส.ค. 64
กล่องรอดตาย สแกนมา เราพารอด
Related Posts
ม.แม่โจ้เจ๋ง คิดค้น ‘นาโนไนท์’ ช่วยฆ่าเชื้อโควิด-19 ออกฤทธิ์นาน ต้นทุนผลิตถูกกว่าแอลกอฮอล์
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มีนาคม เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ (ม.แม่โจ้) ทำการผสมผลิตภัณฑ์ซิลเวอร์นาโนกับน้ำในสัดส่วน 1 ต่อ 1 ในถังฉีดพ่นน้ำยา พร้อมะสาธิตการฉีดพ่นนาโนไนท์บริเวณทางเดิน และห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ ภายในอาคารสำนักงาน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งน้ำยาดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันและฆ่าเชื้อโควิด-19 โดยออกฤทธิ์ได้นานกว่าแอลกอฮอล์ 7-17 วัน รศ.ดร.ระพีพันธ์ แดงตันกี คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผู้คิดค้นและวิจัยผลิตภัณฑ์ซิลเวอร์นาโน กล่าวว่า ถือว่าผลการวิจัยออกมาทันกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พอดี เพราะความจริงผลิตภันฑ์ซิลเวอร์นาโนนี้วิจัยสำเร็จเมื่อ 8 ปีที่แล้ว หรือปี 2554 โดยซิลเวอร์นาโนเป็นเทคโนโลยีจิ๋ว ที่ใช้ป้องกันเชื้อโรคอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ โดยเฉพาะทางการแพทย์ ได้ผลิตยาป้องกันการติดเชื้อให้กับรถพยาบาลและเครื่องสำอาง แต่มีราคาแพงและผลิตได้อย่างจำกัด ดังนั้นจึงทำการวิจัยโดยการใช้เม็ดเงินบริสุทธิ์ 99.99% ผลิตซิลเวอร์นาโน เป็นการลดต้นทุนและทำให้ประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยีนาโนได้ง่ายขึ้น “เทคโนโลยีนาโนซิลเวอร์เป็นการใช้ประจุบวกวงนอกของอิเลคตรอนของเงินบริสุทธิ์ เข้าทำลายผนังเซลล์ของเชื้อโรค ส่งผลให้เชื้อโรคหยุดการเจริญเติบโตและตายในที่สุด ในด้านความปลอดภัยมีผลวิจัยรับรอง ไม่มีผลต่อความเป็นพิษของเซลล์เนื้อเยื่อมนุษย์ หากจะมีอาการก็เกิดขึ้นได้กับคนที่ไม่สามารถใส่เครื่องประดับเงินได้เท่านั้น ซึ่งก็สามารถพัฒนาขึ้นมาได้จนเป็นผลิตภัณฑ์นาโนสเปรย์ฆ่าเชื้อได้ มีประสิทธิภาพไม่ด้อยกว่าแอลกอฮอล์เลย และไม่มีผลเสียต่อร่างกาย มีความปลอดภัยสูง แต่มีต้นทุนการผลิตเพียงลิตรละ 100 […]
‘จุฬาฯ-ใบยา’ ไม่หวั่นเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ เร่งพัฒนาวัคซีนรุ่น 2 คืบหน้า เตรียมรับมือระบาดซ้ำ ชวนคนไทย ‘สู้ไม่หยุด’ ร่วมเป็นทีมไทยแลนด์บริจาคได้ถึงสิ้นปี 64
แคมเปญ “สู้ไม่หยุด วัคซีนเพื่อคนไทย #ทีมไทยแลนด์” จากกระแสข่าวพบไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษและแอฟริกาใต้กลายพันธุ์ในผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและกักตัวใน State Quarantine เป็นเหตุให้หลายฝ่ายกังวลว่าวัคซีนที่นำเข้ามาอาจใช้ไม่ได้ผลนั้น ศูนย์โรคอุบัติใหม่ฯ รพ.จุฬาฯ มั่นใจว่าปัจจุบันมาตรการต่างๆ ของรัฐ โดยเฉพาะการตรวจเชิงรุกยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อติดตามการแพร่ระบาด และศูนย์โรคอุบัติใหม่ฯ ยังคงติดตามการเปลี่ยนแปลงสารรหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมพร้อมรับมืออยู่ตลอด อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยเอาชนะไวรัสนี้ได้ แต่การมีแพลตฟอร์มพัฒนาวัคซีนได้เองในประเทศจะยิ่งสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขไทยได้ ไม่ว่าไวรัสจะกลายพันธุ์ไปก็ยังสามารถปรับวัคซีนสู้ได้ทัน ด้าน ‘จุฬาฯ-ใบยา’ เดินหน้าพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 เตรียมรับมือหากระบาดระลอกใหม่ ดันแคมเปญ “สู้ไม่หยุด วัคซีนเพื่อคนไทย” ขอบคุณและชวนคนไทยร่วมเป็น #ทีมไทยแลนด์ เปิดรับบริจาคได้ถึงสิ้นปี 2564 เร่งผลิตวัคซีนทดสอบในมนุษย์ได้ทันกลางปีนี้ สถานการณ์ล่าสุดเมื่อโควิด-19 กลายพันธุ์ แค่วัคซีนเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่พอ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ‘ไวรัสโคโรนา สามารถกลายพันธุ์ปรับเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จีนค้นพบเชื้อไวรัสโคโรนาในค้างคาว ตั้งแต่ปี 2004 ซึ่งนอกจากจะมีไวรัส SARS แล้วยังพบว่ามีไวรัสชนิดอื่นแฝงอยู่ด้วย จนทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าหากไวรัสรวมตัวกันอาจก่อให้เกิดโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 ขึ้นมาได้อีก ซึ่งถือเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของไวรัสที่อาจกลายพันธุ์เพื่อให้อยู่รอดได้ในทุกสภาวะ ไม่ว่าจะแพร่จากสัตว์สู่มนุษย์ หรือมนุษย์สู่มนุษย์ ย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงต้องพัฒนาแพลตฟอร์มหรือกระบวนการผลิตวัคซีนรองรับเหตุการณ์ หรือโรคอุบัติใหม่ให้ทันการณ์ อย่างไรก็ตามเวลานี้ ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าไวรัสโควิด-19 จะกลายพันธุ์ไปได้อีกกี่สายพันธุ์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเฝ้าติดตามและตรวจเชิงรุก ติดตามการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมของไวรัสโควิด-19 ซึ่งศูนย์โรคอุบัติใหม่ฯ คาดการณ์ว่าจะเริ่มตรวจเชิงรุกภายในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งไม่ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 […]
เกาะติดสถานการณ์ COVID-19 วันที่ 1 พ.ค. 64
วันที่ 1 พ.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1,891 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมรวม 67,044 ราย แบ่งเป็นกำลังรักษา 28,745 ราย หายแล้วจำนวน 38,075 ราย มีผู้รักษาหายเพิ่ม 1,821 ราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่ม 21 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 224 ราย ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข